เสียงหัวใจระรัวก้อง ชายหนุ่มทาบมือลงบนอกซ้ายเพื่อปลอบประโลมเจ้าก้อนเนื้อ บังคับลมหายใจเข้าออกอย่างช้า ๆ เพื่อตั้งสติ
เย็นไว้ เย็นไว้ เย็นไว้
อย่าล่ก อย่าล่ก อย่าล่ก
มึงทำได้น่าไอ้ทาย
“พี่ทาย พี่ทาย พี่เพทายครับ”
“คะ ครับ”
“เป็นอะไรรึเปล่าครับ กีเห็นพี่นั่งมองไอติมแต่ไม่กินสักที เดี๋ยวละลายนะครับ”
“...โทษที พี่คิดเรื่องงานนิดหน่อยน่ะ”
“อ๋า งานที่บริษัทสินะครับ พี่ทายเป็นมนุษย์เงินเดือนเต็มตัวแล้วนี่เนอะ”
คนตรงหน้าชายหนุ่มว่าพลางยิ้มร่าที่ทำให้เขาอดยิ้มตามไม่ได้
เพทายรู้จักกี หรือกีรติมาสองปีแล้ว อีกฝ่ายเป็นรุ่นน้องมหาลัยที่อยู่กันคนละสาขา คนละคณะ และคนละฟากของม. แบบที่ไม่น่าจะบังเอิญเดินสวนกันได้ ทว่าโชคชะตาก็ชักนำให้พวกเขารู้จักกันผ่านการลงวิชาเลือกเสรีตัวหนึ่ง
ตอนนั้นกีรติซึ่งกำลังเรียนอยู่ปีสอง เป็นฝ่ายเข้ามาชวนเพทายให้ร่วมกลุ่มทำงานที่อาจารย์มอบหมาย ชายหนุ่มผู้ไม่รู้จักใครเลยในคลาสเรียนเพราะเพื่อนชิ่งไปลงวิชาอื่นกันหมดจึงรีบตอบรับไมตรีของกีรติด้วยความดีใจ ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ไม่ต่างอะไรกับเพื่อนร่วมคลาสทั่ว ๆ ไป จนกระทั่งหลังจากจบเทอม เพทายจึงพบว่าถึงจะไม่มีเรื่องงานแต่เขากับกีรติก็ยังสามารถหาเรื่องพูดคุยสัพเพเหระเล่นกันได้อยู่ ไม่เหมือนกับสมาชิกคนอื่นในกลุ่มที่พอปิดคอร์สก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก
ตั้งแต่นั้นพวกเขาจึงขยับความสับพันธ์ขึ้นมาเป็นรุ่นพี่-รุ่นน้องที่สนิทกันมากขึ้นเรื่อย ๆ พอรู้ตัวอีกที เพทายก็เผลอวางกีรติบนตำแหน่งที่เป็นมากกว่ารุ่นน้องไปเสียแล้ว
“ว่าแต่ พี่พึ่งรู้ว่ากีชอบกินไอติมขนาดนี้ ปกติเวลาเราไปกินบุฟเฟต์กีก็ไม่ค่อยไปตักไอติมนี่นา มีแต่พี่ไปขูดจนกล้ามขึ้นอยู่คนเดียว”
“ก็ไอติมร้านบุฟเฟต์กับไอติมร้านนี้มันไม่เหมือนกันนี่ครับ ที่นี่มีรสให้เลือกเยอะกว่า แถมยังมีพวกท้อปปิ้งกับวาฟเฟิลกรอบด้วย”
เพื่อยืนยันคำพูด กีรติจึงหักวาฟเฟิลในถ้วย ตักโปะด้วยไอศกรีมช็อกโกแลตราดคาราเมลผสมถั่วพีแคน ใส่ปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย เสียงกรุบกรอบของวาฟเฟิลดังมาจากแก้มตุ่ยน่าบีบ เพทายรู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ
“เสียดายที่ราคาแอบแพงไปหน่อยสำหรับผม เลยได้กินแต่เฉพาะช่วงโปรหนึ่งแถมหนึ่งหรือโปรค่ายมือถือ ถ้าได้กินบ่อยกว่านี้ก็ดีสิน้า”
“ถ้างั้นก็กินสิ กีอยากกินเมื่อไรก็บอกได้เลย พี่เลี้ยงเอง”
“โหย ไม่เอาอะ กีเกรงใจพี่ทาย เลี้ยงแค่วันนี้ก็พอแล้ว ขอบคุณนะครับ”
“ไม่เป็นไร พี่จ่ายได้ ...อันที่จริง ถ้าเป็นเรื่องของกี พี่ก็ทำให้ได้ทุกอย่างนั่นแหละ”
ชายหนุ่มหลุบตาต่ำจ้องถ้วยไอศกรีมพลางพูดงึมงำประโยคหลัง
“อะไรนะครับพี่ทาย”
“พี่บอกว่า..”
เพทายเงยหน้าขึ้นสบตากับเด็กหนุ่ม มองดวงหน้ากระจ่างใสและเรือนผมนุ่มที่เขาอยากสัมผัสมาโดยตลอด
เอาเลยไอ้ทาย จังหวะนี้แหละ มึงทำได้ พูดออกมาไอ้ทาย
“ถ้าเป็นเรื่องของกี พี่ก็ทำให้ได้ทุกอย่าง ไม่ว่ากีจะอยากกินอะไร อยากทำอะไร อยากไปไหน
พี่พร้อมเป็นคนที่อยู่ข้างกีเสมอ”
“พี่เพทาย นี่พี่-“
“พี่ชอบกีครับ”
ดวงตาของกีรติเบิกกว้าง มือข้างที่ถือช้อนชะงักค้างอยู่กลางอากาศ
“พี่เองก็ไม่รู้ว่าเริ่มรู้สึกแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไร พี่รู้แค่ว่าพี่มีความสุขทุกครั้งที่ได้อยู่กับกี พี่ชอบมองเวลากียิ้ม กีหัวเราะ หรือแม้แต่ตอนกีทำหน้ายู่ พี่นับวันรอเวลาที่เราจะไปเที่ยวด้วยกัน และพอเราต้องแยกย้าย พี่ก็รู้สึกว่า ถ้าได้อยู่กับกีมากกว่านี้ก็คงดี อยากเห็นหน้าบ่อย ๆ อยากคุยด้วยทุกวัน อยากให้กีคิดถึงพี่ เหมือนที่พี่คิดถึงกี”
“เป็นแฟนกันไหมครับกี”
ความร้อนแผ่ลามไปทั่วทั้งใบหน้าของกีรติ เขามองใบหน้าของรุ่นพี่ที่ส่งยิ้มมาให้ ทั้ง ๆ ที่ก็เคยเห็นอยู่บ่อย ๆ แต่ครั้งนี้รอยยิ้มของเพทายกลับทำเขามือไม้อ่อนจนเกือบทำช้อนร่วง ไหนจะสิ่งที่ชายหนุ่มพูดอีก แม้จะตกใจ แต่เขากลับไม่ได้รู้สึกรังเกียจเลยสักนิด
“คือว่า ผม.. ผม..”
“ไม่ต้องรีบให้คำตอบตอนนี้ก็ได้ แค่.. ลองเก็บไปคิดดูสักนิด นะครับ”
เสียงท้ายประโยคนั้นฟังดูเว้าวอนจนกีรติใจกระตุก คนคนนี้เป็นใครกัน ใช่พี่ทายแน่หรือ
เพทายมองรุ่นน้องที่มีท่าทีขัดเขินอย่างเห็นได้ชัด หูของกีรติแดงก่ำราวกับลูกเชอร์รี่ เขาคิดเข้าข้างตัวเองว่าเรื่องระหว่างเขากับกีคงพอมีหวังอยู่บ้าง ชายหนุ่มเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเพื่อลดความกระอักกระอ่วน หนุ่มรุ่นน้องพูดรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียเท่าไร ทว่าเมื่อเพทายตักไอศกรีมคำสุดท้าย กีรติก็เอ่ยประโยคที่ทำให้เขารู้สึกหวานล้ำยิ่งกว่าสตรอว์เบอร์รี่บานานาในปาก
“วันศุกร์หน้า ถ้าพี่ทายสะดวก เรามากินไอติมที่นี่อีกได้มั้ยครับ กีอยากลองกินรสมิ้นต์อันที่ใส่โอริโอ้ แล้วก็-“
เด็กหนุ่มสบตารุ่นพี่คนสนิท ก่อนจะเสตาหลบพลางก้มหน้างุด
“จะได้ให้คำตอบพี่ทายด้วย”
ชายสองคนเดินออกมาจากร้านไอศกรีมหลังกินเสร็จ พนักงานหญิงในชุดยูนิฟอร์มแดงและดำเอ่ยขอบคุณลูกค้าสองท่านที่มาใช้บริการ
“ขอบพระคุณค่ะ โอกาสหน้าเชิญโคลด์สโตน ครีมเมอรี่อีกนะคะ”
เพทายผงกหัว ยิ้มน้อย ๆ เพื่อตอบรับพนักงานอย่างยินดี
อืม ต้องมาอีกแน่
เขามีเรื่องสำคัญต้องฟังนี่เนอะ
ความคิดเห็น